ดัชนีสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดวันพุธ(1พ.ค.) ปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางอเมริกาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปธ.เฟดส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 162.77 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 26,430.14 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี ลดลง 22.10 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 2,923.73 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 45.75 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 8,049.64 จุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 3 ของเฟดในปีนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เฟด ยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เฟดจ่ายให้แก่ธนาคารพาณิชย์ที่ได้นำสภาพคล่องส่วนเกินมาฝากไว้ที่เฟด โดยปรับลดลง 0.05% สู่ระดับ 2.35% เพื่อเป็นการรับประกันว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บระหว่างกันสำหรับการกู้เงินในช่วงข้ามคืน และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เฟดใช้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ จะยังคงอยู่ภายในช่วงเป้าหมาย 2.25-2.50%
ขณะเดียวกัน เฟดย้ำว่าจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากระดับ 2.25-2.50% ในปัจจุบัน
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลงในช่วงที่ผ่านมา อาจเกิดจากปัจจัยชั่วคราว และเชื่อว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ซึ่งนักลงทุนมองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวล ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยก็ตาม
source: bangkokbiznews