สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่ยังคงดำเนินการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะเร่งผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 54.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 57.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังมีรายงานว่า กำลังผลิตเดือนม.ค.ของกลุ่มโอเปกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน แต่เป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ ขณะที่กำลังผลิตของรัสเซียในเดือนม.ค.ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่เป็นไปตามกรอบข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส
ทางด้านซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัส มีกำหนดคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะสามารถผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จนเป็นผลสำเร็จ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มว่าปธน.ไบเดนจะพยายามผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส แม้เผชิญเสียงท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากสมาชิกรัฐสภาทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต
รายงานระบุว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ได้ร่วมกันยื่นญัตติพิจารณางบประมาณสหรัฐเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค.